การขุดเหรียญ Cryptocurrency ก็จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ต่างๆ อย่างการ์ดจอหรือไม่ก็อุปกรณ์อื่นๆ ช่วยในการขุดเพื่อให้ได้ผลตอบแทนกลับมาเป็นเหรียญ Crypto แต่หลายคนอาจจะรู้ว่าการ์ดจอนั้นสามารถนำมาขุดเหรียญได้และเป็นที่นิยมอย่างมากในบ้านเรา แต่นอกจากการ์ดจอแล้วเราจะใช้อุปกรณ์อะไรขุดได้บ้าง

อุปกรณ์ในการขุดเหรียญ Cryptocurrency ใช้ตัวไหนดี ? (กดเลือกอ่านได้)

ใช้การ์ดจอในการขุดเหรียญ Cryptocurrency

ชุดริกที่ทาง Rigmaxi ประกอบขึ้น โดยเอาการ์ดจอหลายๆ ใบมาจัดจะถูกเรียกว่า “ริก”

การใช้การ์ดในการขุดถือว่าเป็นเรื่องที่เบสิคอย่างมากสำหรับสายขุด เพราะสามารถหาซื้อได้ง่ายและมีการรับประกันตั้งแต่ 1 – 3 ปีกันเลย นอกจากนี้การประมวลผลหรือ Hash Rate ของมันก็สูงอย่างมากหากเทียบกับอุปกรณ์อื่นๆ และการคืนทุนก็ค่อนข้างไวพอสมควร สำหรับฝั่งของการใช้การ์ดจอขุดเหรียญข้อดีของมันก็คือสามารถเลือกขุดได้หลากหลายชนิด และประมวลผลถอดอัลกอริทึ่มได้หลายแบบ นอกจากนี้การทำงานของอุปกรณ์ก็ส่งเสียงรบกวนน้อยกว่า รวมถึงยังสามารถเอาไปประกอบคอมพิวเตอร์ได้ด้วย

นอกจากนี้เจ้าการ์ดจอก็ยังมีให้เราเลือกหลากหลายราคาแล้วแต่กำลังทรัพย์ของแต่ละคน รวมถึงสามารถค่อยๆ ซื้อมาขุดได้เรื่อยๆ ไม่ต้องลงทีเดียวเลยก็ได้ แต่บางคนอาจจะชอบที่ซื้อเป็นชุดมาขุดเลยก็แล้วแต่ว่าชอบแบบไหน หากคุณไม่ได้โฟกัสแค่เหรียญใดเหรียญหนึ่งแนะนำว่าใช้การ์ดจอขุดดีกว่า เพราะสามารถสลับสับเปลี่ยนขุดสกุลเงินอื่นๆ ได้เช่นกัน

ที่การ์ดจอได้รับความนิยมในการขุดนั้นก็เพราะว่าเวลาเหรียญราคาตกหรือเราไม่ต้องการขุดเหรียญนั้นๆ แล้ว ตัวการ์ดจอจะสามารถทำได้คล่องกว่า จึงเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ได้รับความนิยมในการนำมาขุด

ใช้ CPU คอมพิวเตอร์ในการขุด

ใช้ CPU คอมขุดเหรียญ

วิธีใช้ CPU ขุดเหรียญ Cryptocurrency ได้รับความนิยมน้อยลงมากๆ เนื่องจากว่ากำลังการขุดของมันเทียบกับ GPU (การ์ดจอ) แทบจะไม่ได้และไม่คุ้มค่าอย่างยิ่งหากจะใช้มันขุด ด้วยอัตรา Hash Rate ที่ต่ำรวมถึงเรื่องปัญหาความร้อนที่เกิดขึ้นกับ CPU เอง หากเราใช้มันขุดมันจะต้องทำงานแบบ Full Load เสี่ยงต่อการเสื่อมสภาพที่เร็วยิ่งขึ้น รวมถึงด้วยความร้อนที่เกิดขึ้นของมันเองก็เสี่ยงไฟไหม้ได้ด้วยเช่นกันหากไม่ได้จัดการอุณหภูมิให้ดี

การใช้ CPU ขุดจะนิยมในช่วงแรกๆ ที่บิทคอยน์เพิ่งกำเนิดขึ้นมาใหม่เท่านั้น เพราะช่วงนั้นยังไม่มีคนแย่งกันขุด ทำให้เมื่อใช้ CPU ที่มีอัตราการประมวลผลต่ำก็สามารถรับผลตอบแทนที่แสนจะคุ้มค่าได้ แต่ทุกวันนี้ไปเล่นในฝั่งของการ์ดจอจะดีกว่า

ใช้เครื่อง Asic ในการขุด

เครื่อง Asic

รูปจาก Amazon ตัวอย่างเครื่อง Asic

เครื่อง Asic เป็นเครื่องที่ถูกพัฒนาหลังจากที่กระแสการขุดบิทคอยน์เริ่มมีมากขึ้น โดยช่วงนั้นมีนักขุดหน้าใหม่เกินขึ้นมาอย่างมากมายทำให้ต้องมองหาอุปกรณ์ที่สามารถประมวลผลถอดรหัสอัลกอริทึ่มได้เร็วกว่าการ์ดจอ จนในที่สุดก็เกิดเป็น Asic ขึ้น ซึ่งเครื่อง Asic เป็นเครื่องที่ถูกสร้างมาเพื่อสำหรับถอดอัลกอริทึ่มของ Bitcoin โดยเฉพาะ

สำหรับตัว Asic มีอัตรา Hash Rate ที่สูงมากกว่าการ์ดจออยู่พอสมควรเลย แต่ข้อเสียของมันก็คือหากคุณอยากจะขุดเหรียญอื่นๆ ด้วยต้องหาเหรียญที่มีอัลกอริทึ่มใกล้เคียงกับ Bitcoin มาขุดอย่างเหรียญ Doge, Lithcoin, DASH เป็นต้น ถึงจะได้ Hash Rate ที่สูง แต่ถ้าไปขุดเหรียญอื่นๆ ล่ะก็กว่าจะได้นี่ช้ากว่าการ์ดจอมากๆ เพราะดั้งเดิมของมันถูกออกแบบมาเพื่อให้ขุดบิทคอยน์เพียงอย่างเดียว ไม่เหมาะกับไปขุดเหรียญอื่นๆ นั่นเอง

แต่บางเหรียญ Asic ก็ไม่สามารถนำมาขุดเหรียญได้ โดยเฉพาะช่วงนี้ราคาลงแรงๆ จะเห็นคนเทขายเครื่อง Asic เป็นจำนวนมากเพราะต้องการเปลี่ยนเหรียญขุด

ระหว่างการ์ดจอกับ Asic มีความแตกต่างกันอยู่ ลองอ่านบทความ Rig กับ Asic ต่างกันอย่างไร

ใช้ SSD & HDD ในการขุด

ใช้ฮาร์ดดิสก์ขุดเหรียญ

หลายคนอาจจะสงสัยว่ามันใช้ได้ด้วยหรอ SSD & HDD เอามาขุดเหรียญ Cryptocurrency แต่มันสามารถขุดได้จริงๆ เนื่องจากว่ามีคนพัฒนาสกุลเหรียญ Crypto ขึ้นมาใหม่เพื่อให้เจ้า SSD & HDD สามารถถอดอัลกอริทึ่มของเหรียญและขุดขึ้นมาได้ โดยเป็นสกุลเงินที่มืชื่อว่า “Chia” ถูกสร้างมาจากคนที่สร้าง BitTorrent โดยแรงบันดาลใจก็คืออยากทำให้การขุดเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น รวมถึงใช้กำลังไฟน้อยลง ปกติแล้วเวลาขุดเหรียญอื่นๆ และได้รางวัลมาจากวิธีการ Proof Of Work แต่สำหรับเหรียญ Chia จะใช้วิธี Proof Of Space & Time แทน

ในการใช้ SSD หรือ HDD นั้นต้องมีพื้นที่เยอะพอสมควรเพื่อการอ่านและการเขียนของระบบ และสิ่งต่อมาก็คือเรื่องของความทนทานในรุ่นทั่วไปที่คนอย่างเราๆ ใช้กันอยู่อาจจะไม่ดีเท่ากับเกรด Enterprise ถ้าหากมองแล้วอาจจะเป็นการลงทุนที่ดูเยอะไปหน่อยสำหรับการขุดด้วย HDD & SSD แต่สำหรับรุ่นทั่วไปก็ขุดได้เช่นกัน อาจจะไม่คุ้มเลยก็ได้ขึ้นอยู่กับอัตราแลกเปลี่ยนด้วย

เหรียญที่ใช้ HDD หรือ SSD ในการขุดปัจจุบันยังไม่ได้มีเยอะมากเท่าไหร่ รวมถึงยังมีข้อจำกัดหลายๆ อย่างทำให้ไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร 

ใช้ Cloud Mining ในการขุดเหรียญ Cryptocurrency

Cloud Mining ก็คือ การเช่าแรงขุดจากโลกออนไลน์ โดยที่เราไม่ต้องมีอุปกรณ์ใดๆ ทั้งสิ้น ขอเพียงแค่คุณมีตัว Wallet ก็นำไปผูกจากนั้นก็ขุดได้เลย ซึ่งคนที่ทำ Cloud Mining ก็มีให้บริการอยู่ทั่วโลก แต่ส่วนใหญ่มักจะอยู่ในต่างประเทศมากกว่า โดยข้อดีของมันก็คือ เราไม่ต้องมีอุปกรณ์ก็ขุดได้ เพียงแค่ไปหาเช่ากำลังการขุดเท่านั้น แต่สำหรับข้อเสียมันมีมากมายมหาศาลทั้งโดนโกง ค่าบำรุง ค่าทีมงานที่แพงมาก และเสี่ยงต่อการขาดทุนสูงเพราะเราต้องหักค่าไฟ ค่าทีมงาน ค่าบำรุงอุปกรณ์ให้ฝั่งที่เราเช่าอีก เรียกได้ว่าไม่มีความคุ้มค่าอย่างยิ่ง ถึงแม้จะมีการใช้ Cloud Mining แต่ก็ไม่ได้รับความนิยมมากนักในบ้านเรา

สรุป

ในการขุดอะไรที่เป็นของตัวเองย่อมมีความปลอดภัยทั้งสิ้น ไม่ต้องกังวลว่าจะโดนโกงหรือโดนหลอกใดๆ เพียงแต่อาจจะกังวลในเรื่องของตลาดสกุลเงินนั้นๆ เพียงอย่างเดียว ส่วนใครที่ชอบแบบไหนก็ลองเลือกให้เหมาะสมดูดีกว่าว่าตัวเองอยากขุดเหรียญตัวไหน แต่ละตัวก็มีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับความชอบและการมองถึงอนาคตการวิเคราะห์ของแต่ละคน